A Book from the sky (1987-91)

➜ A Book from the Sky คือชื่อของผลงานศิลปะที่ถูกนำเสนอในรูปแบบหนังสือ สร้างขึ้นโดยชู บิง (Xu Bing) ศิลปินร่วมสมัยชาวจีน ถูกจัดแสดงขึ้นครั้งแรกในปี 1985 ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติของจีนในกรุงปักกิ่ง A Book from the Sky เป็นงานศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ที่ถูกทำขึ้นในรูปแบบของสิ่งที่ดูเหมือนตัวอักษรจีนโบราณ 4,000 คำ ประกอบด้วย 4 สิ่งพิมพ์ต้นแบบ ได้แก่พจนานุกรม ตำราการแพทย์ วรรณกรรมจีน และบทกวี การจัดแสดงนั้นมีทั้งวางระนาบกับพื้นและห้อยจากเพดาน สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ชมนั้นไม่สามารถอ่านหรือถอดความหมายตัวอักษรทั้ง 4,000 คำนั้นได้ เพราะเป็นอักษรที่ไม่มีอยู่จริง หนังสือเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นด้วยการเย็บเข้าเล่มอย่างประณีตแสดงให้เห็นว่าเป็นหนังสือที่มีความสำคัญอย่างมาก และตัวงานยังสร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมเมื่อพวกเขาค้นพบว่า การเข้ามาอ่านหนังสือที่สวยงามเหล่านี้แล้วทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้หนังสือ

Writer
profile-avatar
Pakinee Srijaroensuk
Published27 September 2021
Cover DesignPongsatorn Smitinuntana
Read in
post-thumbnail

ที่มาภาพ: blantonmuseum.org/exhibition/xu-bing-book-from-the-sky/

 

ชู บิง สร้างผลงานชิ้นนี้หลังจากเขาเข้าศึกษาด้านภาพพิมพ์จาก Central Academy of Fine Arts และไม่เคยหยุดยั้งที่จะสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และภาษา เขาเติบโตขึ้นในช่วงที่มีการปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ในประเทศจีน ช่วงเวลาที่มีหนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาทำลาย การอ่านเป็นเรื่องต้องห้ามหากไม่ใช่หนังสือปกแดงของเหมาเจ๋อตุง พ่อแม่ของเขาถูกรัฐบาลกล่าวหาว่าเป็นลัทธิแก้1 และถูกจับกุม แต่ด้วยความที่ Xu Bing มีความสามารถในการเขียนและออกแบบตัวอักษร เขาถูกบังคับให้ทำงานลอกเลียนตัวอักษรจีนลงบนโปสเตอร์และแผ่นพับในการชวนเชื่อของรัฐบาล

 

ต่อมาในปี 1989 ในประเทศจีนได้เกิดเหตุการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินขึ้น ทำให้เกิดการปราบปรามอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งโดยรัฐบาล และ ‘A Book from the Sky’ ได้ถูกคัดเลือกขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อถูกประณามอย่างรุนแรงว่าเป็นงานศิลปะชั้นเลว และ ชู บิง ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในฐานะที่ดูถูกผู้ชม ด้วยสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจนี้ ชู บิง จึงตัดสินใจเดินทางออกจากประเทศจีน

 

เหตุการณ์การเผาหนังสือนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคจีนโบราณ อันเป็นที่มาของประโยค “เผาตำรา ฝังบัณฑิต” ในยุคของจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์ฉิน (หรือที่คนไทยเรียกกันว่าจิ๋นซีฮ่องเต้) เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความสูญเสียตำราและคัมภีร์ที่มีเนื้อหาหลักปรัชญาของขบวนการสำนักความคิดจำนวนเป็นมาก

 

ตามบันทึกแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ปกครองบ้านเมืองด้วยความเฉียบขาด โหดร้ายทารุณ และกรณีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ การเผาตำราสำนักขงจื้อและจับบัณฑิตสำนักขงจื้อสังหารหมู่ด้วยการฝังทั้งเป็น เหตุการณ์เผาตำราฝังบัณฑิตนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีการออกคำสั่งให้เผาทำลายหนังสือทุกชนิด ยกเว้นตำราการแพทย์ ตำราพยากรณ์ และตำราการเพาะปลูก มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการเปิดโรงเรียนเอกชน ห้ามเรียนวิชาปรัชญาหรือวิชาที่เกี่ยวกับแนวความคิดของสำนักต่างๆ และห้ามมีการวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐโดยเด็ดขาด คำสั่งดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าบัณฑิตของสำนักคิดขงจื้อเป็นอย่างมาก ทำให้บัณฑิตเหล่านั้นออกมาเผยแพร่ความเหลวแหลกของจิ๋นซีฮ่องเต้ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามเสาะหายาอายุวัฒนะ ความโลภและความโหดเหี้ยมต่างๆ

 

เมื่อข่าวแพร่ไปถึงจิ๋นซีฮ่องเต้จึงมีการออกคำสั่งให้ประหารเหล่าบัณฑิตของสำนักคิดขงจื้อด้วยวิธีการฝังทั้งเป็นรวมแล้วกว่า 460 คน และแม้แต่รัชทายาทองค์โตยังถูกเนรเทศไปชายแดนเผื่อไปสร้างกำแพงเมืองจีน ด้วยข้อหาขัดแย้งกับพระองค์ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนหาทางปลงพระชนม์ตลอดเวลา นอกจากนี้พระองค์ยังกลัวความตายมากจึงพยายามเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะมาทุกวิถีทางแต่สุดท้ายก็ป่วยหนักและสิ้นพระชนม์ลงในระหว่างที่ออกตามหายาอายุวัฒนะในแดนทุรกันดาร ต่อมาพระเจ้าฉินที่ 2 ซึ่งเป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมแต่ไร้ความสามารถผิดกับจิ๋นซีฮ่องเต้และยังได้ใช้เงินทองจำนวนมหาศาลในการก่อสร้างสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ มีการรีดภาษีจากราษฎรทำให้ประชาชนก่อกบฏขึ้น ทำให้ราชวงศ์ฉินล่มสลายลง แต่เรื่องราวสมัยราชวงศ์ฉิน มีอยู่ในวรรณกรรมไซ่ฮั่น ซึ่งกล่าวถึงการสิ้นสุดราชวงศ์ฉินและการสถาปนาราชวงศ์ฮั่น จึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พูดถึงอาจจะเป็นการใส่ร้ายราชวงศ์ฉินที่เป็นราชวงศ์ก่อนหน้าก็เป็นได้

 

post-thumbnail

Bibliothèque Nationale de France/RMN-Grand Palais/Art Resource

 

การเผาตำรา ฝังบัณฑิต อาจเป็นความพยายามของรัฐที่จะควบคุมความคิดของประชาชนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่กลับสร้างความเสียหายต่อมรดกทางปัญญาของจีนเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นการศูนย์เสียครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์จีน และยังไม่สามารถกลบเกลื่อนความโหดร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่กลับเป็นการเร่งให้ถึงจุดจบของราชวงศ์ฉินให้มาถึงอย่างรวดเร็วขึ้นเท่านั้น ร่องรอยความเสียหายนั้นประเมินค่าไม่ได้ และยังเป็นคลื่นลมที่ไหลผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อย่างที่ Book from the Sky ของชู บิง ได้กลายเป็นเครื่องหมายของความเคลื่อนไหวด้านศิลปะร่วมสมัยที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติ ที่แม้ว่าชาติจีนในปัจจุบันพยายามกลบเกลื่อนหรือหลงลืมมากเท่าไหร่ กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้ผลงานของชู บิงนั้นทำหน้าที่เป็นผู้จดจำประวัติศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น

 

1 ลัทธิแก้ (Revisionism) เป็นถ้อยคำที่ฝ่ายเหมาเจ๋อตงและกลุ่มสี่คนใช้เรียกโจมตีฝ่ายที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจโดยการเปิดรับเทคโนโลยี  และวิธีการของประเทศทุนนิยมตะวันตกมาใช้  กลุ่มของเหมาเจ๋อตงซึ่งเน้นทำการปฏิวัติตลอดกาล  เพื่อให้บรรลุถึงสังคมคอมมิวนิสต์ในอุดมคติ  ต่างพากันกล่าวหาพวกนี้ว่า  เป็นลัทธิแก้หรือเป็นพวกฝ่ายขวาที่เดินตามแนวทางประเทศทุนนิยม
 

Share

This website uses cookies to ensure you get the best experience on our websiteLearn more